top of page

บันทึกการอ่าน: 1 ปี รัฐธรรมนูญ 2560 1 ปี รัฐธรรมนูญคู่


บันทึกการอ่าน (Reading Log):

1 ปี รัฐธรรมนูญ 2560 1 ปี รัฐธรรมนูญคู่

เขียนโดย ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล (Piyabutr Saengkanokkul)

ที่มา: https://thefuturewewant.today/1-year-constitution/

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มีอายุครบ 1 ปีในวันที่ 6 เมษายน 2561 มีใครบ้างที่รู้สึกว่าประเทศไทยปกครองในระบบรัฐธรรมนูญ? เรารู้สึกหรือไม่ว่าประเทศนี้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรใช้บังคับอยู่? ทำไมเมื่อรัฐธรรมนูญใช้บังคับได้ 1 ปีแล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับยังคงอยู่ในอำนาจ และหัวหน้า คสช. ก็ยังคงมีอำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 44 อยู่ต่อไป? เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้มาแล้ว 1 ปี ทำไมเรายังไม่มีการเลือกตั้ง? นี่คือปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ไม่น่าเกิดขึ้นที่ใดในโลก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ปรากฏการณ์นี้แยกไม่ออกจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กับรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

  • รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่สามารถจัดการได้เบ็ดเสร็จ เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 และมีการเลือกตั้งอีก 2 ครั้ง กลุ่มการเมืองกลุ่มเดิมก็ยังคงกลับมาเป็นรัฐบาลได้เหมือนเดิม และเมื่อเวลาผ่านไป มีแนวโน้มว่าดุลอำนาจที่รัฐธรรมนูญ 2550 ออกแบบมาอาจจะถูกกลุ่มการเมืองเข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงเสีย ผลที่ตามมาก็คือศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยในปลายปี 2551 จนเกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลครั้งหนึ่ง และกองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2557 อีกครั้งหนึ่ง

  • รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จึงเป็นรัฐประหารซ่อมจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อย่างไรก็ตาม รัฐประหารทั้งสองครั้งมีความแตกต่างกันอยู่ในแง่ของจำนวนเวลาที่ครองอำนาจของคณะรัฐประหาร

  • คณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ปกครองโดยปลอดรัฐธรรมนูญอยู่ 12 วัน

  • คณะรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ปกครองโดยปลอดรัฐธรรมนูญอยู่ 2 เดือน

  • หัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเองและคณะรัฐประหารไม่มีอำนาจมากในช่วงเวลาที่มีรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว

  • หัวหน้าคณะรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเองพร้อมควบตำแหน่งหัวหน้า คสช. และคณะรัฐประหารมีอำนาจมากในช่วงเวลาที่มีรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวผ่านมาตรา 44

  • รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวอยู่ 10 เดือน 24 วัน จึงมีรัฐธรรมนูญ 2550

  • รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวอยู่ 2 ปี 8 เดือน 15 วัน จึงมีรัฐธรรมนูญ 2560

  • หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 แล้ว อีก 4 เดือนมีการเลือกตั้ง

  • หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แล้วจนวันนี้ยังไม่มีการเลือกตั้งและยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมี

  • รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 แล้ว หัวหน้าคณะรัฐประหารไม่มีอำนาจพิเศษใดๆ ลงเหลือ

  • รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 หัวหน้าคณะรัฐประหารมีอำนาจตามมาตรา 44 และมีต่อเนื่องจนทุกวันนี้ แม้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แล้วก็ตาม

  • รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อายุของรัฐบาลหลังจากรัฐประหารประมาณ 1 ปี 3 เดือน

  • รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อายุของรัฐบาลหลังจากรัฐประหารใกล้ครบ 4 ปี และคงอยู่ในอำนาจต่อไปเกิน 4 ปี ยาวนานกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง

  • หากนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ประเทศไทยมีชีวิตอยู่ในระบอบรัฐประหาร 4 ปีเศษๆ และคงผ่านเข้าปีที่ 5 เข้าปีที่ 6 แน่ๆ และมีชีวิตอยู่ในรัฐบาลที่เข้าสู่อำนาจจากผลพวงของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอีกเกือบ 3 ปี เท่ากับว่าประเทศไทยมีชีวิตทางการเมืองในระบอบพิเศษ-ไม่ปกติอยู่เกือบทศวรรษ!!!

ในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 คนจำนวนมากตัดสินใจรับร่างรัฐธรรมนูญเพราะต้องการกลับไปสู่การเลือกตั้ง ต้องการให้ คสช. ออกจากอำนาจและกลับมาสู่การเมืองแบบปกติตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาอาจคิดว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ต้องวนเวียนกลับไปร่างใหม่ภายใต้การอำนวยการของ คสช. อีก เพื่อยุติกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญไม่รู้จบและกลับไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ดังนั้นการรับร่างรัฐธรรมนูญจึงอาจเป็นความชั่วร้ายที่จำเป็น (Necessity Evil)

การออกเสียงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ผลปรากฏว่ามีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนคิดเป็นร้อยละ 59.40 มีผู้ให้ความเห็นชอบ 16,802,402 คน คิดเป็นร้อยละ 61.35 มีผู้ไม่ให้ความเห็นชอบ 10,598,037 คน คิดเป็นร้อยละ 38.65 อย่างไรก็ตาม เราต้องรออีก 8 เดือนจึงมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 และเมื่อรัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้แล้วจนถึงวันนี้ผ่านไปหนึ่งปี เรายังไม่มีการเลือกตั้งและรัฐบาลทหารยังคงปกครองประเทศอยู่ นั่นเท่ากับว่าการตัดสินใจรับรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้ช่วยให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่ได้ทำให้ คสช. ออกจากอำนาจ และไม่สามารถทำให้การเมืองไทยกลับไปสู่ระบบปกติได้ในทันที รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 265 ยังกำหนดให้ คสช. ยังคงดำรงอยู่ต่อไป และหัวหน้า คสช. ยังคงมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2557 มาตรา 44 ต่อไป (แม้รัฐธรรมนูญ 2557 สิ้นผลไปแล้ว) จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นภายหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 เข้ารับตำแหน่ง

ณ วันนี้ ประเทศไทยจึงมีรัฐธรรมนูญคู่ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ 2560 รวม 279 มาตรา และมาตรา 44 เมื่อมีรัฐธรรมนูญคู่ขนานเช่นนี้ ปัญหาที่ตามมาคือ รัฐธรรมนูญ 279 มาตรา กับมาตรา 44 อะไรใหญ่กว่ากัน? รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 265 รับรองให้การใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ดังนั้นคำสั่งของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 จึงไม่มีทางที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ ต่อให้รัฐธรรมนูญ 2560 รับรองสิทธิและเสรีภาพให้แก่บุคคลไว้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ออกมาตามมาตรา 44 สิทธิและเสรีภาพเหล่านั้นก็หยุดลงทันที ในนัยนี้ก็คือมาตรา 44 อยู่เหนือรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

หากจะกล่าวให้เห็นภาพ หัวหน้า คสช. อาจใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งละเมิดสิทธิมนุษยชน ออกคำสั่งที่มีเนื้อหาที่ไม่ยุติธรรม ออกคำสั่งที่ขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง ออกคำสั่งเพื่อแก้ไขหรือยกเลิกพระราชบัญญัติ ออกคำสั่งเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา ออกคำสั่งเพื่องดเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา ออกคำสั่งเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ หรือแม้กระทั่งออกคำสั่งเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ คำสั่งทั้งหมดนี้ก็ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

สถานะของหัวหน้า คสช. เช่นนี้ ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญและปรัชญาการเมือง เราเรียกว่าองค์อธิปัตย์ (Sovereign) อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ หรือคนที่มีอำนาจตัดสินใจว่าเมื่อไรคือสถานการณ์ยกเว้น ดังที่ Carl Schmitt (1888-1985) ว่าไว้ จริงอยู่เมื่อไรที่มีการเลือกตั้งและคณะรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง คสช. ก็จะพ้นไป และอำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. ก็จะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าประกาศคำสั่ง คสช. จะหายไปด้วย เรายังคงต้องอยู่กับมรดกของ คสช. ชั่วกัลปาวสาน เพราะมาตรา 279 ตามไปรับรองให้ประกาศคำสั่ง คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่องชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมาย หากบุคคลใดต้องการโต้แย้งว่าประกาศคำสั่ง คสช. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว องค์กรผู้มีอำนาจก็จะชี้ขาดว่าบรรดาประกาศคำสั่ง คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่องเหล่านี้ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและชอบด้วยกฎหมายตามที่มาตรา 279 กำหนด

ต่อให้ประกาศคำสั่ง คสช. ละเมิดสิทธิมนุษยชน มีเนื้อหาที่ไม่ยุติธรรม หรือขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง ต่อให้ประกาศคำสั่ง คสช. กำหนดให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ตกทางทิศตะวันออก ให้หญิงเป็นชาย ให้ชายเป็นหญิง ประกาศคำสั่งเหล่านั้นก็ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ วันหน้าเมื่อ คสช. ออกไป บุคคลที่ดำรงตำแหน่งใน คสช. ล้มหายตายจากไป แต่การใช้อำนาจของพวกเขาและประกาศคำสั่งของพวกเขาก็ยังคงอยู่กับพวกเราตลอดกาลและไม่มีใครโต้แย้งได้

กล่าวโดยสรุป ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ระบบรัฐธรรมนูญคู่ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ณ ปัจจุบัน เราอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 รวม 279 มาตรา + มาตรา 44 โดยมาตรา 44 ใหญ่กว่า!!

ในอนาคตเมื่อมีการเลือกตั้งและคณะรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง เราก็ยังคงอยู่ภายใต้ระบบรัฐธรรมนูญคู่ นั่นคือ รัฐธรรมนูญ 2560 รวม 279 มาตรา + ประกาศคำสั่ง คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง โดยประกาศคำสั่ง คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. และการกระทำที่เกี่ยวเนื่องใหญ่กว่า

เราจะยุติระบบรัฐธรรมนูญคู่ได้อย่างไร? ระบบรัฐธรรมนูญคู่ (Dual Constitution) ที่ให้รัฐธรรมนูญพิเศษ (ได้แก่การใช้อำนาจของ คสช. ทั้งหลาย) อยู่เหนือรัฐธรรมนูญปกติ ทำให้ประเทศไทยไม่อาจกลับเข้าสู่การเมืองในระบบปกติได้ หลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หลักนิติรัฐ หลักการประชาธิปไตย และหลักการแบ่งแยกอำนาจไม่สามารถเกิดขึ้นและมีผลจริงได้

ระบบรัฐธรรมนูญคู่จะสิ้นสุดลงได้อย่างไร? ประเทศไทยต้องอยู่กับมรดก คสช. ไปชั่วกัลปาวสานนิรันดรอย่างนั้นหรือ?

  • ไม่! เพราะการเมืองคือความเป็นไปได้

  • ไม่! เพราะการเมืองคือแรงปรารถนาในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

เรายุติระบบรัฐธรรมนูญคู่ได้โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นตอนแรก ต้องยกเลิกมาตรา 279 เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบจากประกาศคำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ได้ฟ้องโต้แย้งไปยังองค์กรผู้มีอำนาจตรวจสอบว่าประกาศคำสั่งเหล่านั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

  • ขั้นตอนที่สอง ต้องนำประกาศคำสั่ง คสช และคำสั่งหัวหน้า คสช. ทั้งหมดกลับมาทบทวนเสียใหม่ โดยตั้งคณะกรรมการพิจารณาแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • ประกาศคำสั่งที่มีเนื้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน มีเนื้อหาไม่ยุติธรรม มีวัตถุประสงค์ปราบปรามศัตรูทางการเมือง

  • ประกาศคำสั่งที่ออกมาในชีวิตประจำวัน ราชการประจำวัน มีบุคคลผู้สุจริตที่ได้รับประโยชน์ไปแล้ว

โดยประกาศคำสั่งในกลุ่มแรกต้องถูกยกเลิกและต้องสร้างระบบการเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย ส่วนประกาศคำสั่งในกลุ่มสองให้แปลงรูปกลายเป็นพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง หรือคำสั่งทางปกครอง แล้วแต่กรณี

  • ขั้นตอนสุดท้าย ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดเพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรา 256/1 ลงไปในหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีประชามติให้ประชาชนตัดสินใจว่าต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการออกเสียงประชามติหรือไม่

ข้อเสนอยกเลิกมาตรา 279 ข้อเสนอทบทวนประกาศคำสั่ง คสช. เสียใหม่ ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดโอกาสให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ข้อเสนอที่ Radical หรือรุนแรง ไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องการกวาดล้าง คสช. แต่เป็นข้อเสนอเพื่อให้หลักนิติรัฐ ระบอบรัฐธรรมนูญ และหลักการประชาธิปไตยกลับมา ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติรัฐธรรมนูญคู่ มุ่งหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเปิดทางให้ประชาชนได้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

 

"ทว่า Sisyphe ได้สอนเราถึงความซื่อตรงอันสูงยิ่งในการปฏิเสธพระเจ้า และการผลักดันก้อนหิน เขาอีกนั่นแหละที่เป็นผู้ตัดสินว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำนั้นดีแล้ว... (But Sisyphus teaches the higher fidelity that negates the gods and raises rocks. He too concludes that all is well.)" - อัลแบร์ การ์มู (Albert Camus: 1913-1960)

bottom of page